อย. เมียนมา ร่อนประกาศเตือนหลังพบ ไส้กรอกพิษ โผล่ในประเทศ เมียนมา และส่งผู้รับประทานเข้า รพ. แล้วสามราย ด้านบริษัทไส้กรอกยืนยันเป็นไส้กรอกมี อย. สินค้าในข่าว ไม่ใช่สินค้าที่ผลิตจากบริษัทสำนักงานอาหารและยาของประเทศเมียนมาได้ล่อนประกาศ เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในชายแดน ให้ระวังไส้กรอกที่มีการพิมพ์ฉลากภาษาไทยว่า “ฤทธิ์” โดยเตือนว่า ไส้กรอกยี่ห้อถูกนำเข้ามาอย่างผิดกฏหมายตามแนวชายแดน และไม่ได้ถูกรับรองจาก อย.เมียนมา มีผู้ที่ได้ซื้อมาบริโภคแล้วเกิดอันตราย จึงเป็นอาหารที่มีความเสี่ยง
ซึ่งการประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ แม่ลูก ชาวเมืองสีป้อ จังหวัดจ๊อกแม รัฐฉานเหนือ ซื้อไส้กรอกไก่ยี่ห้อ“ฤทธิ์”
มาทอดกินกันภายในครอบครัว ปรากฏว่าหลังกินไปได้ไม่นาน ทั้ง 3 เกิดอาการอาหารเป็นพิษ หายใจติดขัด เพื่อนบ้านต้องแจ้งมูลนิธิการกุศลนำถังออกซิเจนมาให้ และรีบนำตัวทั้ง 3 ส่งไปรักษายังโรงพยาบาลทันที
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก ลูกชิ้นเนื้อ ฤทธิ์รสเด็ด เคยระบุว่า “จากข่าวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารที่ผลิตไม่ได้มาตรฐานและเกิดอันตรายกับผู้บริโภคนั้น ทางลูกชิ้น “ฤทธิ์รสเด็ด” ขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า
สินค้าในข่าว “มิใช่” สินค้าที่เป็นผลผลิตจากทางเรานะครับ ทางโรงงานของเรามีการตรวจสอบรับรองตามมาตรฐานองค์การอาหารและยา และมาตรฐานฮาลาลของสำนักคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทุกประการ
ปัจจุบัน ทางแบรนด์สินค้า “ฤทธิ์รสเด็ด” มีเพียงสินค้าประเภทลูกชิ้นเท่านั้น มิได้มีสินค้าประเภทอื่นใดๆทั้งสิ้น ทางเรากำลังเร่งตรวจสอบและหาที่มาของสินค้าที่แอบอ้าง และ จะประสานกับทางการเพื่อดำเนินการต่อไป จึงขอเรียนชี้แจงมาเพื่อให้ทุกท่านทราบครับ และเพื่อเป็นการยืนยันในมาตรฐานและเพื่อความสบายใจของลูกค้าทุกท่าน
ลูกค้าสามารถนำเลข อย. และ เลข ฮาลาล ที่ได้รับอนุญาต ตามรูปด้านล่าง ไปตรวจสอบกับทางเว็บของทางการได้เลยนะครับ”
หญิงคนหนึ่งโพสต์ภาพ ข้าวราดพะโล้ ได้นิดเดียว เจ้าตัวเผยได้เท่านี้ในราคา 35 บาท ชาวเน็ตฉะแหลก ให้แค่นี้ 20 บาทก็พอ กลายเป็นภาพฮือฮาในสังคมออนไลน์หลังจากที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ลงกรุ๊ปเฟซบุ๊ก พวกเราคือผู้บริโภค โดยเป็นภาพของ ข้าวราดไข่พะโล้ที่มีขนาดเพียงน้อยนิด ประกอบด้วย มีข้าวในกล่อง ราดด้วยไข่พะโล้ที่มีเพียงไข่ 1 ใบ และเต้าหู้ 1 ชิ้น พร้อมโพสต์ถามว่า “35บาท พี่ๆจะซื้อมั้ยคะ?”
กระทรวงคมนาคม แจงกรณี ครม. พิจารณาการเจรจาร่วมลงทุน รถไฟฟ้าสายสีเขียว
กระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีการเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่อง ขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว
กระทรวงคมนาคม โดยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อมผู้บริหารกรมการขนส่งทางรางและผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ได้แถลงข่าวกรณีการเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่อง ขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการ รถไฟฟ้าสายสีเขียว เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 16.00 น ณ ห้องราชดำเนิน กระทรวงคมนาคม สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. กระทรวงคมนาคมเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยยึดหลักความถูกต้อง และประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนพึงจะได้รับเป็นลำดับแรก ดังนั้น จะเห็นได้ว่าความเห็นของกระทรวงคมนาคมจึงให้ความสำคัญกับอัตราค่าโดยสารที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนอย่างยั่งยืนจากปัจจุบันไปสู่อนาคตถึงปี 2602 การกำหนดเงื่อนไขของการเข้าระบบตั๋วร่วมที่ครอบคลุมทุกโครงข่าย และความถูกต้องครบถ้วนของขั้นตอนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ และจะทำให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยมีปริมาณผู้โดยสารมากขึ้นจากอัตราค่าโดยสารที่เป็นธรรม
2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้อนุญาตให้กรุงเทพมหานครเข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ทำร่วมกันไว้ กำหนดไว้ชัดเจนว่าอนุญาตให้กรุงเทพมหานครเข้าพื้นที่และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งไม่ได้หมายรวมถึงกรณีที่กรุงเทพมหานครจะไปว่าจ้างเอกชนรายใดมาดำเนินการ ดังนั้น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจึงไม่รับทราบหนี้สินของกรุงเทพมหานครในส่วนที่ไปว่าจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการ
3. กรมการขนส่งทางราง ได้ชี้แจงในรายละเอียดถึงเหตุผลที่กระทรวงคมนาคมเห็นว่าผลการเจรจาและร่างสัญญาที่กรุงเทพมหานครเสนอคณะรัฐมนตรี ยังไม่เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและทางราชการ ดังนี้