ประยุทธ์ เข้าพบนักกีฬา Esport พร้อมวอน คนรุ่นใหม่อย่าใจร้อน ชี้ 7 ปี สิ่งที่นายกทำถือว่าปฏิรูปได้เร็ว ลั่นไทยไม่แพ้ใครในอาเซียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าพบกับทีมนักกีฬา Esport เพื่อร่วมแสดงความยินดีหลัง นักกีฬาอีสปอร์ตทีมชาติไทยที่คว้า 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 31 รวมถึง แชมป์โลกรายการ FFWS 2022
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงหนึ่งได้กล่าวว่า
อยากให้น้องๆ หลานทุกคนค่อยๆ ไปติดตามดูว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายกฯ เข้าใจว่าคนรุ่นใหม่ ค่อนข้างใจร้อนอยากให้เสร็จโดยเร็วง่ายๆ ทำให้ไว สิ่งที่นายกฯ ทำมา 6-7 ปี ถือว่าเร็วแล้ว ทั้งนี้คำว่าเร็วคืออะไร มันต้องผ่านขั้นตอนอีกมากมายในการจะทำอะไรก็ตาม นั่นคือการปฏิรูป
จนถึงวันนี้สถานะของไทยในอาเซียนไม่ได้แพ้ใคร ประเทศไทยยังเป็นแหล่งฐานในการลงทุนทั้งการขยายอุตสาหกรรมเก่า และเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นอนาคตที่วางไว้ให้กับพวกเรา และวันข้างหน้าเราจะมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหลายอย่างอาจติดกติกาและกฎหมาย เราต้องทำทุกอย่างให้ปลอดภัยโดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณแต่ถ้าคนเข้าใจจะไปต่อได้และเร็วขึ้น แรงต่อต้านจะลดลง
ประเทศไทยยังเป็นแหล่งฐานในการลงทุน ทั้งการขยายอุตสาหกรรมเก่า และเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่เราก็อยู่ในกลุ่มนี้ ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นอนาคตที่วางไว้ให้กับพวกเรา และวันข้างหน้าเราจะมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทางกระทรวงดีอีเอสกำลังขับเคลื่อนจนทำให้ไทยขยับขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของอาเซียนในเรื่องของเทคโนโลยี 5G ซึ่งดีกว่าหลายประเทศก็ได้ หรือจะเรียกว่าดีที่สุดก็ได้ เป็นสิ่งที่หลายคนไม่ทราบ เพราะเราไม่ค่อยสนใจในเรื่องที่ยุ่งยาก ไม่สนใจในระบบระเบียบราชการมากนัก ซึ่งโทษใครไม่ได้ เพราะคิดไวทำไวเหมือนเครื่องจักรเปิดปุ๊บออกปั๊บ แต่รัฐบาลทำแบบนั้นไม่ได้ เนื่องจากติดกติกากฎหมาย
“เราต้องทำทุกอย่างให้ปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้จ่ายงบประมาณ แต่ถ้าคนเข้าใจก็จะไปต่อได้และเร็วขึ้น แรงต่อต้านก็จะลดลง วันนี้นายกฯยังต้องเผชิญกับเรื่องเหล่านี้อยู่โดยเฉพาะการต่อต้านต่างๆ ซึ่งบางครั้งมันไม่ใช่สาระ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเพราะไม่เข้าใจไม่พยายามเข้าใจ นั่นคือปัญหา อย่างไรก็ตามผมคิดว่าทุกคนในห้องนี้เข้าใจว่า ผมกำลังทำอะไรให้กับประเทศ และส่วนที่สำคัญที่สุดคือครอบครัวของตัวเอง ในวันหน้าจะอยู่กันอย่างไรจะมีอาชีพรายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างไร ลูกหลานต้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่เข้มแข็งและดีกว่าเรา รัฐบาลต้องดูแลคนทั้ง 70 คน” นายกฯ กล่าว
‘ศรีสุวรรณ’ จี้ กกต. เอาผิดอาญา ปมป้ายหาเสียงชัชชาติ
ศรีสุวรรณ จี้ กกต. ให้เอาผิดอาญา ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.และส.ก. ที่ไม่ยอมเก็บป้ายหาเสียง ผู้สมัครฯ ผู้ว่าฯกทม.ที่สมาคมฯ แจ้งความไว้แล้ว อาทิ นายชัชชาติ , พล.ต.อ.อัศวิน นายสุชัชวีร์ , น.ต.ศิธา ทิวารี นายสกลธี ภัททิยกุล วิโรจน์ ก้าวไกล และ นายวรัญชัย โชคชนะ เป็นต้น
วันนี้ เวลา 10.00 น.ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายโดยการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และผู้สมัครฯ ส.ก.ทุกคนตาม ป.อ.มาตรา 368 ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน กรณีไม่เก็บแผ่นป้ายหาเสียงให้หมดสิ้นไปจากท้องถนน
ทั้งนี้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซึ่งวันที่ 23 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ผอ.กกต.กทม. ได้ออกมาแจ้งแล้วว่า ได้ทำหนังสือแจ้งเตือนไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ ผู้สมัคร ส.ก. ทุกคนแล้ว ให้ดำเนินการเก็บป้ายหาเสียงของตัวเอง ออกจากพื้นที่สาธารณะทุกจุดภายใน 3 วัน หลังจากการเลือกตั้ง หากไม่ดำเนินการเก็บจะเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติความสะอาดในพื้นที่สาธารณะ และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะ ทันทีที่การเลือกตั้งสิ้นสุดลง กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นไม่ได้คุ้มครองป้ายหาเสียงเหล่านั้นแล้ว
แต่หลังจากพ้น 3 วันหลังเลือกตั้งไปแล้วพบว่ายังมีป้ายหาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และ ผู้สมัคร ส.ก. ปล่อยทิ้งอยู่ริมฟุตบาท เสาไฟฟ้า ในท้องถนน ตรอก ซอก ซอยต่าง ๆ ทั่ว กทม. ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำความไปแจ้งความเอาผิดผู้สมัครฯต่าง ๆ ดังกล่าวไว้แล้วตาม พรบ.รักษาความสะอาด 2535 หลายสถานีตำรวจ อาทิ สน.ดอนเมือง สน.สายไหม สน.ลำผักชี สน.สุวินทวงศ์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สมัครฯผู้ว่าฯกทม.ที่สมาคมฯได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว อาทิ นายชัชชาติ สุทธิพันธ์ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ น.ต.ศิธา ทิวารี นายโฆษิต สุวินิจจิต นายสกลธี ภัททิยกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนายวรัญชัย โชคชนะ เป็นต้น
แต่ในส่วนของคดีอาญานั้น ตาม ป.อ.มาตรา 368 เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต. หรือ กกต.กทม. ที่จะต้องไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เพราะเป็นผู้ออกคำสั่งไปยังผู้สมัครฯผู้ว่า กทม. และ ผู้สมัคร ส.ก. ทุกคนแล้ว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสิบวัน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่สมาคมฯเกรงว่า กกต.จะละเลยเพิกเฉยต่อกรณีดังกล่าว จึงต้องนำความมาร้องให้ กกต.ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งอาจเป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม อันสามารถให้ใบเหลืองผู้สมัครฯที่ชนะการเลือกตั้ง ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวได้ด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป